Waterfall Model ขั้นตอนที่ 2 การเก็บรวบรวมความต้องการระบบ
หัวข้อก็บอกต้องอธิบายกันดีรึเปล่าครับ คือ ก่อนที่เราจะสร้างระบบหรือซอฟต์แวร์ เราก็ต้องการรู้ก่อนว่าความต้องการที่จะได้ซอฟต์แวร์แบบไหนออกมาให้ตรงความต้องการลูกค้าหรือผู้ใช้งาน
งานหลักๆ ของ System Analyst (SA) ในขั้นตอนนี้ คือ หาความต้องการของระบบ โดยจะมีวิธีอยู่หลายๆอย่าง เบื้องต้น
- การทำแบบสอบถาม
- การสัมภาษณ์
- การขอเอกสารของระบบงาน กรณีต้องการเอาระบบงานเดิมที่ทำงานโดยใช้เอกสารเปลี่ยนมาเป็นระบบงานโดยใช้ไอที
โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้กล่าวถึงนี้ ซึ่งก็เพียงพอต่อการทราบถึงข้อมูลความต้องการของระบบ ซึ่งในส่วนนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะการที่ SA มีประสบการณ์งานเยอะจะได้เปรียบในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ รวมถึงการตั้งคำถาม การหาข้อมูลเชิงลึกสำคัญที่เกี่ยวกับระบบที่พัฒนา
ผมลืมพูดถึงไปนิดเกี่ยวกับของการจัดทำในส่วนของแบบสอบถาม หรือการสัมภาษณ์นั้น ซึ่ง SA ที่ชำนาญและมีประสบการณ์ระบบงานมากๆ นั้น จะมีการใช้คำถามปิด และคำถามเปิด เพื่อให้ได้มาของความต้องการของระบบ
คำถามปิด คือ คำถามที่บังคับให้ผู้ตอบ ตอบคำถามในกรอบที่เรากำหนดไว้ เช่น ระบบนี้สามารถเข้าใช้งานได้ตั้งแต่ 8:30 - 17:30 ใช่หรือใม่ ฯลฯ
คำถามเปิด คือ การให้ผู้ตอบตอบคำถามเราอย่างอิสระ เช่น ต้องการให้หน้าแรกของระบบเป็นอย่างไง ฯลฯ
เพิ่มเติมให้อีกนิด จากการเก็บรวบรวมความต้องการระบบ เมื่อได้ข้อสรุปเบื้องต้นจากผู้ใช้ระบบ ซึ่งในส่วนนี้ถ้าจำไม่ผิดไม่มีตอนผู้เขียนเรียนมหาลัย (อาจลืมเอง) แต่ผู้เขียนได้ไปเรียน Software Architecture ที่ SIPA ก็ทำให้รู้จักศัพท์ 2 คำ ได้แก่
- Functional คือ รายละเอียดของระบบงานหลักว่ามีอะไรบ้าง เช่น ระบบสมาชิก, ระบบโพสต์บทความ ฯลฯ (มีตอนเรียนมหาลัย)
- Non Functional คือ ความต้องการนอกเหนือระบบงาน หรือความสามารถเสริม เช่น ในส่วนหน้าสมัครสมาชิกตรงของเลขบัตรประชาชนต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง, ในหน้าล็อคอินเข้าระบบสมาชิกต้องมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของข้อมูล ฯลฯ (ตอนเรียนที่ SIPA หมายถึงคำศัพท์ Non Functional)
ปิดท้ายสิ่งที่ไม่มีในห้องเรียน ซึ่งทางผู้เขียนอยากเพิ่มเติมให้กับทางผู้อ่าน โดยการเก็บรวมรวบความต้องการระบบนั้นเกี่ยวข้องกับบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าจ้าง ผู้ใช้งาน ฯลฯ ซึ่งที่ SA ต้องรีบศึกษาโครงสร้างของบุคลากรของบริษัท หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การที่ SA สามารถหาผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ (MAN Power) และผู้ใช้งานระบบจริงได้เร็วนั้น ระบบที่พัฒนาจะตรงตามความลูกค้าและได้ข้อสรุปรวดเร็ว และถูกใจของผู้ที่เซ็นต์รับงานจ่ายเงินให้เรา ซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่แค่หน้าที่ของ SA อย่างเดียว ซึ่งอาจต้องมี Sale , Project Manager มาช่วยดำเนินการ และท้ายสุดการทำงานกับคน SA ควรเป็นบุคคลที่ใจเย็น สุขุม รอบคอบ ทัศนะคติด้านบวก จะช่วยให้การทำงานรวมกับลูกค้าได้ด้วยดี
แค่ส่งรอยยิ้ม กล่าวสวัสดี ยกมือไหว้ ทักทายสุขดิบ หรือการพูดคุยเล่นที่ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว เหมือนลูกค้าเป็นเพื่อน เป็นญาติมิตร แค่นี้คุณอาจได้อภิสิทธิ์ อะลุ่มอล่วยจากลูกค้าไม่รู้ตัว
อ่านตอน 1 ได้ที่ https://thaidevnote.blogspot.com/2018/04/waterfall-step-1.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น